ขึ้นชื่อว่าโรคอ้วนเชื่อว่าคงไม่อยากมีใครที่อยากป่วยเป็นโรคอ้วนหรอก เพราะโรคอ้วนนอกจากจะทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวลำบากไม่คล่องแคล่วว่องไวแล้ว โรคอ้วนยังส่งผลต่อสุขภาพอีกด้วย ผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วนส่วนใหญ่แล้วมักจะพ่วงมาด้วยหลายโรค ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน หัวใจ ความดันโลหิตสูงและโรคอื่นๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่ไม่อยากป่วยเป็นโรคอ้วน ก็ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี ด้วยการหมั่นออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร วันนี้จึงเราก็มีเคล็ดลับดีๆ มาแนะนำที่จะมาช่วยให้สุขภาพแข็งแรงและห่างไกลโรคอ้วน เคล็ดลับการดูดไขมันที่ว่านี้มีอะไรบ้างตามเรามาดูกันเลย

1.รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ

หลายคนคิดว่าการรับประทานอาหารทั้งสามมื้อจะยิ่งทำให้ร่างกายอ้วนขึ้น จึงพยายามลดมื้ออาหารให้น้อยลง บางคนลดมือเช้าบางคนลดมื้อเย็น แต่ความจริงแล้วนั่นเป็นความคิดที่ผิด โดยเฉพาะอาหารมื้อเช้าผู้ที่รับประทานอาหารมื้อเช้าจะมีแนวโน้มในการหิวระหว่างมื้อหรือการรับประทานที่เพิ่มขึ้นในมื้ออื่นๆ นอกจากนี้การอดอาหารจะทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะจำศีลทำให้ร่างกายเผาผลาญลดลงเกิดภาวะอ้วนได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นการรับประทานอาหารครบ 3 มื้อจะช่วยให้ร่างกายได้รับการเผาผลาญสม่ำเสมอแต่ถ้าอยากลดความอ้วนก็ให้รับประทานน้อยลงหรือเปลี่ยนไปลดมื้อเย็นแทนจะดีกว่า

 2.ออกกำลังกายเป็นประจำ

หากต้องการลดน้ำหนัก การออกกำลังกายคือสิ่งที่ดีที่สุดการออกกำลังกายจะเห็นผลเร็วกว่าการอดอาหาร การออกกำลังกายเป็นประจำโดยเน้นการออกกำลังกายแบบเต้นแอโรบิคอย่างน้อยวันละ 30 นาทีหรือ 3-5 วันต่อสัปดาห์จะช่วยให้ร่างกายมีระบบเผาผลาญที่ดีขึ้นและยังช่วยป้องกันการ โยโย่เอฟเฟคได้อีกด้วย

3.หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกพลังงานสูง

การรับประทานอาหารที่ให้พลังงานสูงอย่างอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ด และของทอด เป็นประจำเช่น พิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ ไอศครีม แกงกะทิ ของทอด น้ำหวาน น้ำอัดลม ขนมหวาน อาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงหากรับประทานเป็นประจำจะทำให้ป่วยเป็นโรคอ้วนได้

4.รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เพื่อให้ร่างกายได้ทำงานอย่างสมดุล และควรเลือกรับประทานผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำเช่น แอปเปิ้ล ฝรั่ง แก้วมังกร ส้ม ชมพู่ เป็นต้นและควรเลือกรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูงอย่างเช่น ผัก ธัญพืชชนิดต่างๆ เช่นเมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง ถั่วเปลือกแข็ง และควรเน้นรับประทานอาหารประเภทโปรตีนอย่างเหมาะสม อย่างเช่นรับประทานโปรตีน 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวันเพื่อให้มีการสร้างมวลกล้ามเนื้อรักษาระดับการเผาผลาญให้คงที่และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทพวกอาหารแปรรูปอย่างเช่น อาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่มีไขมันทรานส์ เช่นเบเกอรี่ และขนมหวานทุกชนิด

5.หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารจุบจิบ

การรับประทานอาหารจุบจิบก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอ้วนได้ เพราะการรับประทานอาหารจุบจิบจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลาซึ่งเป็นการเร่งการจัดส่งไขมันทางอ้อม

6.พักผ่อนร่างกายให้เพียงพอ

ร่างกายของเรานั้นส่วนใหญ่ต้องการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ การนอนน้อยเกินไปหรือมากเกินไปส่งผลกับความอ้วนได้อีกทั้งการนอนดึกจะทำให้ฮอร์โมนช่วยเรื่องการเจริญเติบโตและการเผาผลาญไขมันหลั่งลดลง (Growth Hormone) นอกจากนี้การนอนหลับพักผ่อนยังเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการรับประทานอาหารของเราด้วยคือ ฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ที่รับผิดชอบต่อความรู้สึกหิว และเลปติน (Leptin) ที่จะบอกสมองว่าเมื่อไหร่ควรหยุดกินถ้าคุณนอนไม่เพียงพอฮอร์โมนเกรลินจะเพิ่มขึ้นขณะที่ฮอร์โมนเลปตินจะลดลง ทำให้ความรู้สึกอยากอาหารเพิ่มขึ้นและรู้สึกไม่อิ่มถึงแม้ว่าจะรับประทานอาหารมากเพียงใด ทำให้ต้องรับประทานอาหารเพิ่มขึ้นก่อให้เกิดโรคอ้วนนั่นเอง

7.ดื่มน้ำเปล่าให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร

เนื่องจากว่ากระบวนการเผาผลาญไขมันและการขับสารพิษของเสียออกจากร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำจากร่างกายทั้งสิ้น หากดื่มน้ำน้อยเกินไปจะทำให้การเผาผลาญไขมันและการขับสารพิษออกจากร่างกายทำงานได้ประสิทธิภาพที่น้อยลงเพราะฉะนั้นควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตรหรือ 8 แก้วต่อวัน จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเมื่อร่างกายได้รับการเผาผลาญอย่างมีประสิทธิภาพก็จะทำให้ห่างไกลโรคอ้วนได้

หลากหลายวิธีที่คนเราต่างนำมาใช้ในการควบคุมหรือลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นการเข้าคอร์สลดน้ำหนัก การอดอาหาร หรือแม้แต่การพึ่งยาลดความอ้วน แรกๆ ก็จะเห็นผลดีแต่สุดท้ายก็กลับมาอ้วนเหมือนเดิม เนื่องจากว่าลดน้ำหนักไม่ถูกวิธี การลดน้ำหนักที่ดี คือการออกกำลังกาย และเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม ดื่มน้ำเปล่ามากๆ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้สามารถลดน้ำหนักได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากที่สุดแล้ว